พิพิธภัณฑ์ได้ชื่อว่าได้ว่าเป็น “แหล่งเรียนรู้” นอกห้องเรียนที่สำคัญสำหรับเด็กค่ะ แต่ต้องยอมรับว่าพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย ก็ยังไม่ได้ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็กมากนัก แล้วพิพิธภัณฑ์อย่างไรล่ะที่น่าจะเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีสำหรับเด็ก???
วันนี้สอนลูกเขียนโปรแกรม By Dek-D จะพาไปที่ Rubber land ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีค่ะ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ยางพารา ที่นำเสนอเรื่องราวของยางพาราซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของคนไทย จุดเด่นของที่นี่ก็คือการเป็นพิพิธภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่ออกแบบให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเด็ก และยังใช้การนำเสนอด้วยสื่อที่ทันสมัยด้วย จะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันเลยค่ะ
RUBBERLAND หรือพิพิธภัณฑ์ยางพารา ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ค่ะที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่รวบรวมความมหัศจรรย์ของ “ยางพารา” พืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดโลก อีกทั้งยังสะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของคนไทยไว้ค่ะ รับรองว่ามาที่นี่ต้องได้รับความรู้กลับไปแน่นอน
เมื่อมาถึง RUBBERLAND ก็ต้องซื้อบัตรเพื่อเข้าชมก่อนนะคะ สำหรับคนไทย เด็กค่าเข้าชมจะอยู่ที่ 60 บาท ส่วนผู้ใหญ่ค่าเข้า 100 บาท สำหรับชาวต่างชาติหากเป็นเด็กค่าเข้าชม 100 บาท หากเป็นผู้ใหญ่ค่าเข้าชมจะ 200 บาทค่ะ ส่วนเด็กที่สูงไม่ถึง 90 ซม.และผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้น เข้าฟรีเลยค่ะ โดยที่นี่จะเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00 ไปจนถึง 18.00 น.ค่ะ
ภายใน RUBBERLAND มีอะไรบ้าง
โซนป่ายาง
อยากรู้ไหมล่ะคะว่าทำไมต้องกรีดยางตอนเช้ามืดอ่านได้จากกำแพงนี้เลยค่ะ
เมื่อเข้ามาภายใน Rubberland เด็กจะได้พบกับบรรยากาศป่ายางจำลอง ที่จำลองมาเป็นลักษณะสวนยางแนวแฟนตาซี ตรงโซนนี้เด็กจะได้รู้เรื่องราวของยางพารา ทั้งประโยชน์จากยางพา คุณสมบัติของยางพารา วัตถุดิบยางพารา และเหตุผลที่ทำไมต้องกรีดยางตอนเช้ามืด
นี่ก็เป็นบ่อน้ำยางจำลอง
ก่อนจะไปชมเรื่องราวด้านใน จุดแรกที่ต้องมาชมก่อนก็คือบ่อน้ำยางจำลอง ซึ่งความพิเศษของบ่อน้ำยางนี้ คือ เด็กจะได้เรียนรู้เรื่องยางพาราผ่านการผจญภัยกับกับเหล่า Rubber Gang ในบ่อน้ำยางขนาดใหญ่แห่งนี้ จะเห็นว่าเด็กๆ ต่างมารุมล้อมบริเวณบ่อน้ำยางเพื่อชมเรื่องราวของยางพารา เรียกได้ว่าสนุกและได้ความรู้ไปพร้อมๆ กันค่ะ
เด็กๆ กำลังดูการ์ตูนด้วยความสนใจ
ในโซนนี้ก็จะมีสื่อวีดีทัศน์ที่จะนำเสนอเป็นรูปแบบการ์ตูน เพื่อให้เด็กสนใจและเห็นภาพในเรื่องราวได้อย่างชัดเจนมากขึ้นด้วย
ตัวอย่างน้ำยางและยางแผ่นดิบ
ส่วนมุมนี้เด็กจะได้เห็นตัวอย่างน้ำยาง และยางแผ่นดิบ ซึ่งเด็กก็จะสามารถจับได้ และเรียนรู้ลักษณะของยางได้จริงๆ เลยค่ะ
โซนแปรรูปยาง
ส่วนโซนต่อมาเป็นโซนแปรรูปยาง โซนนี้เด็กๆ จะได้เรียนรู้กระบวนการแปรรูปน้ำยางดิบจากต้นยางพารา ว่าเมื่อผ่านเข้าสู่กระบวนการแปรรูปแล้ว ยางสามารถนำมาทำอะไรได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตภัณฑ์ที่นำมายกตัวอย่างก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเชื่อมโยงกับสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเด็กเพื่อให้เด็กเข้าใจและเห็นภาพมากได้ชัดเจนมากขึ้นค่ะ
การเข้ามาที่นี่เด็กจะไม่ได้แค่เข้าชมด้วยตัวเองค่ะ แต่ตลอดการเข้าชมจะมีวิทยาการที่จะคอยเล่าเรื่องราวแต่ละจุดให้เด็กเข้าใจ หากไม่เข้าใจตรงไหนหรือสงสัยอะไร เด็กก็สามารถสอบถามได้จากวิทยากรเลยค่ะ
โซนยางกับชีวิตประจำวัน
หากพูดถึงเรื่อง “ยางพารา” อาจเป็นเรื่องที่ดูไกลตัวสำหรับเด็ก แต่โซนนี้จะนำแสดงเรื่องราวของยางพารา ด้วยการเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน เพื่อให้เด็กได้เห็นว่า “ยางพารา” เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง แค่เห็นทางเข้าโซนนี้ ก็น่าสนใจทีเดียวค่ะ
ที่ดูโดดเด่นที่สุดในโซนนี้ ก็คือรถยนต์คันใหญ่ๆ คันนี้ค่ะ รถยนต์คันนี้พิเศษอย่างไรตามมาดูกันเลยค่ะ
ความพิเศษของรถยนต์คันนี้ ก็คือ รถยนต์คันนี้จะทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวว่า “ยาง” มีความเกี่ยวข้องอะไรกับรถยนต์บ้าง สิ่งที่พิเศษก็คือ การนำเสนอด้วยภาพเสมือนจริงด้วยการแสดงการแยกชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์ให้เห็นถึงโครงสร้างทั้งด้านนอกจนกระทั่งถึงเครื่องยนต์ด้านใน ซึ่งเด็กก็จะได้เห็นว่าส่วนใดของรถยนต์ที่ทำมาจากยางบ้าง
และที่เห็นอยู่นี้ก็คือรองเท้าที่ทำมาจากยางพารา แต่ความไม่ธรรมดาก็คือที่นี่จะทำเป็นรองเท้าขนาดใหญ่ ซึ่งเด็กๆ ก็สามารถเข้าไปสวมใส่และถ่ายรูปได้อย่างสนุกสนาน
ส่วนที่แขวนอยู่ตรงนี้จะเป็นสิ่งของที่ทำมาจากยางพาราทั้งหมดค่ะ ซึ่งก็มีทั้งห่วงยาง ลูกบอล ยางรถจักรยาน และแผ่นรองคลาน สีสันสดใสดึงดูดความสนใจได้ดีทีเดียวค่ะ
ส่วนตรงนี้ก็นำเสนอข้อมูลในเรื่องใครๆ ก็ใช้ยางไทย และประเทศอะไรที่ใช้ยางธรรมชาติจากประเทศไทยมากที่สุด จะเห็นว่าตลอดเส้นทางการรับชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ทุกๆ สิ่งในพิพิธภัณฑ์จะสอดแทรกความรู้ในรูปแบบต่างๆ บางส่วนก็จะเล่าเรื่องด้วยภาพและข้อมูล
โซนมหัศจรรย์ยางพารา
โซนนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นโซนในดวงใจของเด็กๆ ค่ะ เพราะหลังเรียนรู้เรื่องราวของยางพารามาแล้ว เด็กๆ ก็จะได้เข้ามาผจญภัยในป่าใหญ่ ซึ่งจะจำลองเป็นป่าไทยแนวแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยพืชพรรณและสัตว์ป่าในเขตร้อน ซึ่งโซนนี้จะสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด “ถ้าโลกนี้มีแต่ยาง” จะเป็นอย่างไร จะรู้สึกอย่างไรถ้าทุกอย่างเป็นยาง 100% เข้าไปดูโซนนี้กันเลยค่ะ
ตรงนี้จำลองเป็นเมืองขนมหวานสีสันสดใส
เข้ามาอีกหน่อยก็จะเจอกับผลไม้ยักษ์อย่างกล้วย และทุเรียน ออกแบบขนาดใหญ่แบบนี้ก็ดึงดูดความสนใจให้กับเด็กดีทีเดียวค่ะ
ส่วนตรงนี้ก็จำลองเป็นโลกใต้น้ำ เด็กๆ ก็ได้ตื่นตาตื่นใจไปกับสัตว์น้ำ และปะการังที่ทำจากยางที่เคลื่อนไหวไปมาได้
และที่ถูกใจเด็กๆ ที่สุดในโซนนี้ ก็เห็นจะเป็นสไลเดอร์ยาง ที่เด็กๆ จะได้สนุกส่งท้ายก่อนสิ้นสุดการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ในวันนี้ ซึ่งการเข้าพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดนี้ใช้เวลาการเข้าชมประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ Rubberland พิพิธภัณฑ์ยางพารา เชื่อว่าเมื่อคุณพ่อคุณแม่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงอยากจูงมือลูกไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ดูสักครั้ง รับรองค่ะว่าที่นี่จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จะทำให้เด็กสนุกไปกับการเรียนรู้แน่นอนค่ะ
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก
http://thairubberland.com/th/