HomeReviewรุ่นพี่ขอแชร์! ทำยังไงให้ สอบติดหมอ ภายใน 1 ปี โดยศิษย์เก่า Dek-D School

รุ่นพี่ขอแชร์! ทำยังไงให้ สอบติดหมอ ภายใน 1 ปี โดยศิษย์เก่า Dek-D School

สวัสดีค่ะน้องๆ Dek-D School ทุกคน หากพูดถึงอาชีพหมอ น้องๆ หลายคนในนี้คงคิดว่าคนที่จะสอบเข้าหมอได้นั้นก็คงต้องเป็นคนที่เรียนเก่งมากๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ นั่นก็จริงส่วนหนึ่งค่ะ อ้าว! แล้วอย่างนี้คนที่เรียนไม่เก่งแล้วอยากสอบหมอล่ะจะทำได้ไหม? จริงๆ ก็ต้องบอกว่าทุกคนมีโอกาส สอบติดหมอ ได้ค่ะ เพราะจริงๆ แล้วไม่ว่าน้องๆ จะสอบอะไรก็ตาม หากน้องๆ มีความตั้งใจ มีการวางแผนและเตรียมพร้อมมาอย่างดี พี่เชื่อว่าน้องๆ ก็จะสอบติดได้อย่างแน่นอน

ส่วนจะต้องวางแผนและเตรียมตัวยังไรบ้าง วันนี้พี่น้ำจะพาไปหาคำตอบจากศิษย์เก่า Dek-D School ที่ สอบติดหมอ โดยใช้เวลาเตรียมตัวเพียง 1 ปีมาฝาก จะเป็นใครนั้นไปติดตามกันเลย

แนะนำตัวกันก่อน

สวัสดีค่า ชื่ออิศราภรณ์ ตั้งตุลาธาร นะคะ ชื่อเล่น เจนนี่ ตอนนี้ศึกษาต่อที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จบการศึกษาที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้าค่ะ

อยากให้ลองย้อนไปถึงความฝันในวัยเด็กของเจนนี่หน่อย

ในตอนเด็กๆ ก็มีความฝันเยอะค่ะ อยากเป็นนักร้อง อยากเป็นนักแสดง อันที่ยังจำได้แต่ทุกวันนี้ก็คืออยากที่จะมีชื่อนำหน้ายาวๆ แบบดอกเตอร์ แพทย์หญิง ฮ่าๆ แต่ถ้าให้พูดที่มันจริงจังขึ้นมาก็คงจะเป็นวิศวกรค่ะ อาจเป็นเพราะว่าหนูเคยไปเข้าค่ายวิศวะมาหลายครั้ง เลยทำให้สนใจในวิศวะรองลงมาจากแพทย์เลยค่ะ

พี่เจนนี่ร่วมเข้าค่ายเส้นทางสู่หมอศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล

ทำไมถึงมาค้นพบว่าตัวเองอยากเป็นหมอ?

จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่แรกเลยว่าจะสอบหมอ แต่มารู้ว่าอยากเข้าหมอจริงๆ ตอนที่ได้ไปค่ายเส้นทางสู่หมอศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ ซึ่งทำให้ตอนนั้นรู้ว่าตัวเองสนใจที่จะเรียนต่อในด้านนี้ เพราะค่ายนี้นอกจากทำให้รู้ว่าอยากเรียนแพทย์แล้วยังได้ประสบการณ์ว่าพี่ๆ เขาเรียนอะไรกันบ้าง ในปีไหนเรียนอะไร แล้วก็มีเข้าไปห้องอาจารย์ใหญ่ด้วยค่ะ ซึ่งในห้องก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มีไปเดินตามวอร์ดต่างๆ เจอพี่ชั้นคลินิกแต่ไม่กล้าเข้าไปด้านในมากเพราะมีคนไข้อยู่ พี่เขาก็มีอธิบายที่ต่างๆ ให้เราฟังด้วย

พอจบค่ายมา เริ่มเตรียมตัวสอบยังไงบ้าง

พอกลับจากค่ายก็ทำให้สนใจที่จะสอบเข้าคณะแพทย์มากขึ้น ก็เลยหาข้อมูลวิธีการเตรียมสอบต่างๆ ถามรุ่นพี่เกี่ยวกับหนังสือ หรือแนวทางการอ่านหนังสือ แล้วก็ผลักดันให้ตัวเองได้ลองไปแข่งตอบคำถามปัญหาแพทย์ที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ค่ะ

เคยเข้าร่วมการแข่งขันอะไรมาแล้วบ้าง

เคยแข่งขันประกวดวงจรอิเล็กทรอนิกส์รุ่นเยาว์ ตอน ม.3 ค่ะ ได้ที่ 3 ถ้าภายในโรงเรียนก็มีแข่งขันทางวิชาการบ้าง แต่ภายนอกโรงเรียนไม่มีเลยค่ะ หนูเรียนไม่เก่ง แต่ชอบเสนอตัวเองไปแข่งตลอด เวลาครูถามว่าจะมีใครไปมั้ย ถึงไม่ได้รางวัลติดไม้ติดมือกลับมา แต่ก็ได้ประสบการณ์มามากมายเลย

หนูเรียนไม่เก่ง แต่ชอบเสนอตัวเองไปแข่งตลอด เวลาครูถามว่าจะมีใครไปมั้ย ถึงไม่ได้รางวัลติดไม้ติดมือกลับมา แต่ก็ได้ประสบการณ์มามากมายเลย

ในมุมมองของตัวเราเอง คิดว่าเป็นเด็กแพทย์จำเป็นต้องเรียนเก่งมั้ย

ถ้าบอกว่าไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งก็อาจจะโกหกใช่ไหมล่ะคะ แต่หนูคิดว่าความเก่ง ไม่น่ากลัวเท่ากับความขยันค่ะ

เห็นว่าชอบเรียนคณิตมากที่สุด และยังสอบ O-NET คณิตได้คะแนนเต็มด้วย มีเคล็ดลับในการเรียนวิชานี้ยังไงบ้าง

วิธีการก็คือหนูจะทำสรุปสูตร แล้วก็จะทำโจทย์เรื่องนั้นๆ ไว้ค่ะ ถ้ายังทำไม่ได้ก็อาจจะเป็นเพราะเราลืมสูตรบางสูตร ก็จะกลับมาทวนสูตรที่สรุปไว้ แต่บางทีคณิตต้องใช้การประยุกต์มากๆ หนูก็จะลองถามวิธีการทำจากเพื่อนๆ หรืออาจารย์ แล้วเอามาทำต่อเอง การถามเพื่อนๆ และอาจารย์จะช่วยให้เราคิดในวิธีต่างออกไป ซึ่งจะทำให้ได้รู้วิธีที่หลากหลายด้วยค่ะ

ใช้เวลา 1 ปี ในการเตรียมตัวสอบหมอ ต้องทำยังไง?

ต้องบอกก่อนว่า ก่อนหน้าที่จะถึง 1 ปีก่อนสอบหมอ ก่อนหน้านั้นก็คืออ่านเก็บมาเรื่อยๆ แล้ว แล้วก็ทำสรุป ซึ่งช่วงประมาณ 1 ปีก่อนจะสอบ ก็คือมาเริ่มตอนปิดเทอมหลังจากจบ ม.5 ซึ่งตอนนั้นก็มาแพลนกับตัวเองก่อนว่า “ก่อนจะขึ้น ม.6 เทอม 2 ต้องเก็บเนื้อหาวิทย์ คณิต ให้หมด!!” ช่วงนั้นปิดเทอมซัมเมอร์ก็เลยอ่านฟิสิกส์ ทั้งเรียน อ่าน ทำโจทย์ และทำสรุป ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาทั้ง ม.4 ม.5 ที่ผ่านมา และก็เก็บๆ บทของ ม.6 บางบทด้วยค่ะ

หลังจากนั้น ช่วง ม.6 เทอม 1 เนื้อหาฟิสิกส์ตรงไหนที่ยังไม่แน่น ก็จำฝึกทำโจทย์เพิ่ม ส่วนวิชาคณิตก็ฝึกทำโจทย์โดยแยกเป็นเรื่องๆ ส่วนชีวะกับเคมี ก็อ่านเรื่อยๆ

ช่วงปิดเทอมเล็กตุลาคม จากที่อ่านชีวะกับเคมีมา ก็จะมาตะลุยโจทย์ตอนช่วงนี้ และในช่วงเดียวกันก็จะมาเริ่มเรียนความถนัดแพทย์ ไทยกับสังคม ส่วนคณิตกับฟิสิกส์ ก็ยังไม่ทิ้ง ยังฝึกทำโจทย์อยู่เรื่อยๆ

พอเปิดเทอม 2 มา ก็เรียนความถนัดแพทย์ ไทยกับสังคมที่ต่อเนื่องมาจากช่วงปิดเทอมให้จบ ส่วนคณิตกับฟิสิกส์ ก็ตะลุยโจทย์อย่างเดียวเลย ทำตัวที่เป็น 9 วิชาสามัญอย่างเดียวเลย โดยทำให้จบเป็นเรื่องๆ บทๆ ไป ส่วนเคมีกับชีวะ ก็ทั้งทำโจทย์ด้วย และก็อ่านทบทวนด้วย

ที่เล่ามาทั้งหมดในแต่ละช่วงเวลา ก็คือจะคละวิชากันไป สลับไปวิชานู้นบ้าง วิชานี้บ้าง โดยเฉพาะฟิสิกส์กับคณิตเป็นวิชาที่ชอบ ก็จะหยิบมาทำโจทย์บ่อยๆ เลย ซึ่งมันสำคัญมากสำหรับการทำโจทย์บ่อยๆ เพราะถึงแม้ว่าเราจะจำสูตรได้ แต่ถ้าเอาไปใช้ไมไ่ด้ ก็เปล่าประโยชน์ ส่วนวิชาภาษาอังกฤษ จะเป็นวิชาที่ไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ แต่ก็ต้องเตรียมตัว ซึ่งตัวเราเองก็จะมีสมุดจุดเล็กๆ คอยจดศัพท์ต่างๆ แล้วเอามาท่องเรื่องๆ ตอนที่ว่าง

มีหนังสือที่เด็กสอบแพทย์ควรอ่านไหมคะ

จริงๆ หนูว่าเรื่องหนังสือมันแล้วแต่คนเลยค่ะ หนังสือบางเล่มเราอาจจะชอบแต่บางคนไม่ชอบ หนูก็เคยดูรีวิวหนังสือที่พี่ๆ เขาใช้กัน แต่พอมาอ่านจริงๆ แล้ว หนูก็พออ่านได้นะคะ แต่ถ้าคณิต หนูแนะนำหนังสือพิชิต TCAS ของเด็กดี อันที่หนูเรียนเลยค่ะ ดีมากๆ เลย 5555 ไม่ได้ขายของนะคะ แต่มันดีจริงๆ เหมาะกับการเตรียมสอบเลยค่ะ หนูเรียนช่วง 3 เดือนก่อนสอบค่ะ

แล้วทำไมถึงมาเลือกเรียนออนไลน์

ปกติจะเลิกเรียนเย็นค่ะ เพราะเลือกเรียนห้องเรียนพิเศษที่โรงเรียน ทำให้ไม่มีเวลาไปเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนเหมือนคนอื่นก็เลยเลือกเรียนออนไลน์แทน ซึ่งหนูเลือกเรียนกับทาง Dek-D School เพราะหนูติดตามเด็กดีมานานมากๆ พอเห็นว่ามีสอน หนูก็เลยลง แต่ก่อนลงหนูก็มีไปดูคลิปที่อาจารย์สอนก่อนด้วยนะคะ ส่วนคอร์สที่ลงเรียนก็คือ คอร์สพิชิต TCAS วิชาคณิตศาสตร์ ค่ะ

พอลงเรียนก็เหมือนได้รวบรวมความคิดอีกครั้งค่ะ แบบว่าเรียนเสร็จพอนั่งทำโจทย์จะได้รู้ว่าเอาสูตรนี้ๆ มาใช้  ซึ่งถ้าอ่านแต่สูตรแต่ไม่ทำโจทย์พอไปเจอข้อสอบจริงๆ แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเอาสูตรไหนมาใช้ค่ะ แล้วหนังสือดีมากๆ เพราะแบ่งว่าตรงนี้เป็นเรื่องอะไร แล้วก็แบ่งไปอีกว่าเกี่ยวกับอะไรในเรื่องนั้นๆ ทำให้รู้ว่าเราอ่อนตรงจุดไหน ซึ่งอาจารย์สอนดีมากๆ เลยค่ะ ตอนที่เฉลยทำให้ได้ความคิดใหม่มาหลายครั้ง เพราะคณิตสามารถคิดได้หลายวิธี แต่สุดท้ายคำตอบจะออกมาเหมือนกัน

การเรียนออนไลน์ต้องมีวินัยในการเรียนมากๆ​ มีเคล็ดลับการเรียนยังไงบ้าง

ส่วนใหญ่จะเรียนหลังเลิกเรียนจากที่โรงเรียนค่ะ ถ้าไม่ทำการบ้านก็จะเรียนออนไลน์เลยค่ะ เรียนประมาณ 2 – 3 ชม. แล้วก็นอนค่ะ จริงๆ เคล็ดลับก็ไม่มีหรอกนะคะ แต่แค่คิดว่าใกล้ถึงเวลาสอบแล้วแต่ยังเรียนไม่จบ วิชานู้นก็ยังไม่ได้ มันเลยทำให้ต้องเรียนเลยค่ะ หนูว่า ม.6 จะมีความรู้สึกอย่างนี้เลย วิชานู้นยังทำได้ไม่ดี วิชานี้ก็ยังทำได้ไม่ดี ก็ต้องพยายามเรียนให้จบให้ได้ค่ะ

เคล็ดลับในการเตรียมตัวสอบของตัวเราคืออะไร?

ตอนอ่านหนังสือ หนูไม่ค่อยอ่านที่บ้านเท่าไหร่ค่ะ อาจจะเหมือนโกหกแต่เป็นเรื่องจริงนะคะ เพราะส่วนใหญ่จะใช้เวลาอ่านหนังสือที่โรงเรียน อ่านกับเพื่อน ทำโจทย์กับเพื่อน มันสนุกกว่า แถมได้ความคิดดีๆ กลับมาเยอะด้วยค่ะ

แบ่งเวลาการทบทวนหนังสือแต่ละวิชายังไงบ้าง

ภายใน 1 สัปดาห์ ต้องพยายามอ่านให้ครบทุกวิชาค่ะ ไม่มีแบ่งชัดเจนว่ายังไง มันอยู่ที่สถานการณ์ แต่อย่างวิชาคณิตกับฟิสิกส์ หนูจะเอาโจทย์ไปทำด้วยในช่วงเวลาว่างๆ หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ หรือก่อนเข้าแถวค่ะ

เคล็ดลับของการสอบคือ “ความพร้อม”

เพราะการสอบคือการวัดว่าเราพร้อมมากแค่ไหน เพราะฉะนั้น เคล็ดลับก็คือตัวเราเองจะสร้างความพร้อมให้กับตัวเรามากน้อยแค่ไหน ไม่มีใครที่สามารถทำได้ 100% ทุกวิชาหรอกค่ะ แต่มันเกิดจากการฝึกฝนของแต่ละคน

ไม่มีใครที่สามารถทำได้ 100% ทุกวิชาหรอกค่ะ แต่มันเกิดจากการฝึกฝนของแต่ละคน

เทคนิคการเตรียมตัวในคืนก่อนวันสอบ

คืนก่อนสอบจะอ่านหนังสือแบบคร่าวๆ ค่ะ เป็นการดูภาพรวมว่าเนื้อหาที่สอบจะประมาณไหนหรือมีเรื่องที่ลืมก็จะทวนค่ะ แล้วที่สำคัญก็คือ “ต้องนอนเร็วๆ” ค่ะ เตรียมอุปกรณ์และบัตรประจำตัวต่างๆ ให้พร้อม

เฮ่!! สอบติดหมอ แล้ว

ตอนที่เราเตรียมตัวเราอาจจะรู้สึกว่ามันยังไม่เป็นความจริง แต่ยอมทนยอมเหนื่อยสักนิด คิดถึงวันที่ประกาศผลว่าเราจะได้คณะที่เราฝัน มันจะทำให้เราฮึดสู้ได้

สอบติดหมอใน TCAS รอบที่ 3 ค่ะ วันนั้นก็คือว่าในที่สุด เราก็ทำได้แล้ว เหนื่อยมามากแล้ว สมกับที่ยอมเหนื่อยมากๆ เลยค่ะ ตอนที่เราเตรียมตัว เราอาจจะรู้สึกว่ามันยังไม่เป็นความจริง แต่ยอมทนยอมเหนื่อยสักนิด คิดถึงวันที่ประกาศผลว่าเราจะได้คณะที่เราฝัน มันจะทำให้เราฮึดสู้ได้ อยากฝากอีกเรื่องถึงน้องๆ การนอนเป็นสิ่งสำคัญนะ อย่าหักโหมอ่านหนังสือทั้งๆ ที่ง่วง นอกจากจะไม่เข้าหัวแล้ว ยังเสียเวลาพักผ่อนอีกด้วยนะ

ถึงเราจะไม่ได้เรียนเก่ง แต่เราสามารถทำให้ความฝันของเราเป็นจริงได้ ถ้ายังไม่ถึงเวลาสอบ ก็เท่ากับว่ายังมีความหวังอยู่

สุดท้ายนี้อยากให้ฝากอะไรถึงน้องๆ ที่กำลังจะเตรียมตัวสอบหมอหน่อยจ้า

พี่อยากให้น้องถามใจตัวเองว่าอยากเข้าคณะนี้จริงๆไหม ถ้าอยากเข้าก็พุ่งตรงเลย เวลาที่เหลือนี้ การเตรียมตัวต่างๆ ที่พี่พูดหรือคนอื่นๆ ที่น้องๆ ได้ฟัง อาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น สุดท้ายแล้วอยู่ที่ว่าน้องจะเอาไปใช้มากน้อยแค่ไหน แต่ละคน มีการเตรียมตัวต่างกัน อย่างพี่เอง การเตรียมตัวแต่ละวิชาก็ต่างกันไปด้วย

แต่อยากให้น้องฝึกทำโจทย์เพราะการทำโจทย์เป็นการดึงความรู้เราออกมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไร แล้วหาข้อผิดพลาดของเรา แล้วก็ปิดข้อผิดพลาดนั้นให้ได้ ถึงแม้เราจะไม่ได้เรียนเก่ง แต่เราสามารถทำให้ความฝันของเราเป็นจริงได้ ถ้ายังไม่ถึงเวลาสอบ ก็เท่ากับว่ายังมีความหวังอยู่ พี่รู้ว่าตอนนี้มันเหนื่อย แต่พี่ก็รู้ว่าน้องๆ สามารถผ่านมันมาได้


อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว พี่น้ำเชื่อว่าเรื่องราวของพี่เจนนี่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ ที่กำลังเตรียมตัวสอบอยู่ในตอนนี้อย่างแน่นอนค่ะ เพราะอย่างที่พี่เจนนี่บอกทิ้งท้ายไว้ว่า หากยังไม่ถึงวันสอบเราก็ยังคงมีโอกาส และยังคงมีความหวังที่จะทำความฝันของเราให้เป็นจริงได้ และพี่น้ำก็เชื่อว่าหากน้องเจอที่อาชีพที่อยากทำจริงๆ และน้องมีความมุ่งมั่นและตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะทำมันจริงๆ แล้ว โอกาสที่จะพิชิตคณะในฝันก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมของน้องๆ แน่นอนค่าาา..

ติดตามสาระความรู้และข่าวสารสำหรับการสอบ สอวน.ได้ที่ Facebook Dek-D School : คอร์สออนไลน์คุณภาพ ที่เรียนได้ทุกคน วางแผนเตรียมสอบสอวน.กับ พี่ๆ Dek-D School ได้ฟรี!!!ที่ Line @schooldekd

RELATED ARTICLES
- Advertisment -

Most Popular

Recent Comments