คณะสายสุขภาพที่เด็กสายวิทย์สนใจสอบเข้ามากรองๆ จากแพทย์นั่นก็คือ “คณะเภสัชศาสตร์” โดยเฉพาะคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ถือเป็นคณะเภสัชที่มีคะแนนการสอบเข้าสูงที่สุดในการในการสอบกสพท.ด้วย คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ เป็นยังไง มีหลักสูตรโดดเด่นต่างจากที่อื่นยังไงบ้าง วันนี้พี่พิชชี่ที่คอยให้คำแนะนำน้อง ๆ ที่อยากเข้าคณะเภสัชพี่ CoachDD จะพาไปเจาะลึกหลักสูตรของคณะเภสัช จุฬาฯ อย่างละเอียด ไปติดตามได้เลยค่ะ
ก่อนอื่นให้น้องช่วยแนะนำตัวหน่อยค่ะ
สวัสดีค่า พี่ชื่อบลู พิชชา พฤกษติกุล แต่เพื่อนๆ เรียกกันว่าพิชชี่ค่ะ ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปี 3 คณะเภสัชศาสตร์ สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ พี่สอบเข้ารอบ 3 กสพท. ค่ะ
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ มีคะแนนสอบเข้าสูงที่สุดของคณะเภสัชในรอบกสพท. จึงทำให้มีการแข่งขันสูง
ต้องบอกว่าคณะของเรามีชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์ในวงการเภสัชของประเทศไทย ด้วยการเรียนการสอน และบุคลากรคุณภาพของประเทศ จึงเป็นเหตุผลหลักๆ เลยที่พี่เลือกเรียนที่นี่ โดยเฉพาะน้องๆ ที่อยากเข้า Pharm Sci ที่นี่มีชื่อเสียงมากเลยนะ ทำให้การสอบเข้าเภสัชมีความยากประมาณนึงค่ะ มีการแข่งขันสูงมาก แต่ปีหลังๆ มานี้คะแนนสอบเข้าเภสัชแต่ละม.ค่อนข้างเบียดกันมาก พี่มองว่าถ้าเราเราตั้งคะแนนที่อยากได้ไว้ แล้วทำให้ได้ตามเป้า ยังไงก็สอบติดแน่นอนค่ะ
มาดูหลักสูตรของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ กันบ้าง
ปัจจุบันหลักสูตรเภสัชศาสตร์บัณฑิต จะเรียนทั้งหมด 6 ปี ค่ะ ได้วุฒิปริญญาตรี จะมีให้เลือกเรียน 2 สาขา คือ เภสัชกรรมอุตสาหการ (Pharm Sci) และ การบริบาลทางเภสัชกรรม (Pharm Care) โดยที่จุฬาฯ จะต้องเลือกสาขาตั้งแต่ตอนสอบเข้าค่ะ น้องๆ ที่อยากเข้าที่นี่อาจจะต้องลองดูว่าเราสนใจงานแบบไหนมากกว่าระหว่างงานบริบาลหรือโรงงานค่ะ ซึ่งทั้งสองสาขามีความแตกต่างกันในการเรียนและการทำงาน พี่จะอธิบายคร่าวๆ ดังนี้นะคะ
- สาขาเภสัชกรรมอุตสาหการ จะทำงานหลักๆ เกี่ยวกับการผลิตและการวิจัยยา หรือเรียกง่ายๆ ว่าเภสัชโรงงานค่ะ
- สาขาการบริบาลทางเภสัชกรรม จะทำงานเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ยาในผู้ป่วย ส่วนมากเรามักจะเจอตามวอร์ดหรือห้องยาที่โรงพยาบาลค่ะ
จุดเด่นของหลักสูตรที่นี่แตกต่างหรือโดดเด่นจากที่อื่นยังไงบ้าง?
สำหรับพี่ที่เรียนที่จุฬาฯ คณะของเราเพิ่งมีการปรับหลักสูตรเมื่อปี 63 ให้แต่ละวิชามีการบูรณาการกันมากขึ้น และมีการนำการเรียนการสอนแบบ PBL (Problem Base Learning) เข้ามาใช้ โดยอาจารย์จะให้เนื้อหาข่าวหรือเคสมา แล้วให้จับกลุ่มกับเพื่อนเพื่อตั้งประเด็นปัญหาในการศึกษาเรื่องนั้นๆ ค่ะ
แต่ละชั้นปีเรียนอะไรบ้าง?
- ปี 1 จะเป็นการเรียนวิชาพื้นฐาน โดยส่วนใหญ่จะเรียนที่คณะวิทย์ฯ ได้แก่ เคมีทั่วไป สถิติ แคลคูลัส ฟิสิกส์ เคมีฟิสิกัล เคมีอินทรีย์ เภสัชเวท ซึ่งตรงนี้จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเรียนปีถัดๆ ไปที่จะเริ่มเข้าสู่เนื้อหาของเภสัชค่ะ
- ปี 2 เทอม 1 จะเริ่มเป็นวิชาที่ปูพื้นฐานก่อนจะเข้าสู่เรื่องยาอย่างจริงจัง โดยเน้นเรียนที่ระบบร่างกายและจะได้นำสิ่งที่เรียนตอนปี 1 มาใช้ ได้แก่ Biochemistry, Physiology, Immunology และ Microbiology ค่ะ ส่วนเทอม 2 จะเข้าสู่วิชาเภสัชอย่างเต็มตัว จะเริ่มได้เรียนรู้เคมีของยา ตอนนี้เราจะเริ่มได้รู้ว่าโรคต่างๆ มีอาการอย่างไร จ่ายยายังไง รวมไปถึงฝึกจ่ายยาและคำนวณปริมาณยาด้วยค่ะ
- ตั้งแต่ปี 3 ขึ้นไปจะเป็นการเรียนเนื้อหาต่อจากปี 2 เลย เนื่องจากระบบร่างกายมีเยอะมาก ทำให้ต้องเรียนลึกและละเอียดมากขึ้น และตั้งแต่ปิดเทอม ปี 3 ขึ้นปี 4 ก็จะเริ่มฝึกงานกันค่ะ ส่วนพอขึ้นปี 6 ก็ฝึกงานเต็มตัวเลย
นอกจากการเรียนในคณะแล้ว เรายังต้องเลือกเรียนวิชาเสรีที่คณะอื่นๆ อีกด้วย หรือที่เรียกกันว่า GENED ซึ่งเราสามารถเลือกเรียนตามความสนใจได้เลย
ข้อดีของคณะเภสัชฯ ในความคิดของพี่พิชชี่
ถ้าจะลองให้หาข้อดีของคณะนี้ พี่จะไล่เป็นข้อๆ นะคะ
- มีใบประกอบฯ ข้อดีข้อนี้ทำให้งานของเรามีความเฉพาะทางค่ะ คนที่จบสาขาอื่นๆ มา ไม่สามารถทำงานแทนได้
- เป็นอาชีพที่ขาดตลาด จบมายังไงก็มีงานทำแน่นอนค่ะ
- สามารถทำงานได้หลากหลาย เนื่องจากงานของเภสัชค่อนข้างกว้าง จึงมีงานหลายแขนงให้เราได้เลือกเรียน เลือกทำงานค่ะ
แต่ที่กล่าวมาทั้งหมด จริงๆ พี่ว่าต้องลองถามตัวเราเองก่อนว่า เราอยากเรียนเภสัชเพราะอะไร? เพราะเภสัชเป็นสาขาการเรียนที่ต้องมีใจรักประมาณนึงถึงจะเรียนไหวค่ะ เพราะว่าเรียนยากและเรียนหนัก ถ้าผ่านด่านใจตัวเองแล้วก็ไปกันต่อเลยค่า
อยากเป็นเด็กเภสัชฯ พื้นฐานวิชาสายวิทย์ เคมี ชีวะ ฟิสิกส์ สำคัญมาก!!
วิชาวิทย์ทุกตัวสำคัญกับเภสัชมาก โดยเฉพาะเคมีเพราะเราจะต้องศึกษาทุกอณูเกี่ยวกับยา เคมีจึงเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากที่เราจะใช้เรียนต่อในคณะ ส่วนชีวะเองก็ได้ใช้ไม่น้อยเลย เพราะเราต้องเรียนรู้เกี่ยวกับระบบร่างกายและโรคต่างๆ ส่วนฟิสิกส์เองก็ต้องนำมาประยุกต์ใช้ในการคำนวณและทำความเข้าในในวิชาเคมีฟิสิกัล ดังนั้นไม่สามารถทิ้งวิชาไหนไปได้เลยค่ะ แต่หลักๆ ก็คือเคมีเยอะมาก ถ้าไม่ชอบเคมีอาจจะเรียนในคณะนี้เหนื่อยหน่อย แต่ถ้าถามว่าจำเป็นต้องเก่งวิชาสายวิทย์ไหมพี่คิดว่าเราอาจจะไม่จำเป็นต้องเก่งมากก็ได้ แต่ถ้าเรามีพื้นฐาน ม.ปลายที่ดีพอ มันจะทำให้น้องๆ เรียนในคณะเภสัชได้ง่ายขึ้นมาก และกลับกันพี่คิดว่าวิชาภาษาอังกฤษคือวิชาที่ควรพัฒนามากที่สุดด้วย เพราะคณะสายสุขภาพจำเป็นจะต้องอ่านหนังสือและงานวิจัยของต่างประเทศอยู่เสมอ อีกอย่างอาจารย์หลายๆ คนก็ชอบใช้สไลด์สอนที่เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าเราเก่งอังกฤษจะช่วยให้เราเรียนขึ้นง่ายมากๆ
คุณสมบัติที่สำคัญของเด็กเภสัชฯ คือต้องขยันและปรับตัวเก่ง
เด็กที่จะมาเรียนเภสัชถ้าขยันจะดีมากเลย เพราะว่าคณะเราเรียนหนักจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันน้องเองก็ต้องปรับตัวเก่ง หาจุดที่เราสบายใจได้ด้วย บาลานซ์เรียนและเล่นได้ น้องจึงจะสามารถเรียนในคณะได้อย่างมีความสุข
เรียนเภสัชจบมาแล้วทำงานอะไร?
โดยส่วนมากเภสัชมักจะทำงานตามสาขาที่เรียนมาค่ะ
- เภสัชกรรมอุตสาหการ (Pharm Sci) งานหลักๆ จะเกี่ยวกับการผลิต วิจัย และพัฒนายาค่ะ งานมีหลากหลายมาก เช่น ทำงานวิจัยยาใหม่ๆ พัฒนาสูตรยา ควบคุมคุณภาพการผลิต (QC) ประกันคุณภาพ (QA) หรืออาจทำงานในโรงพยาบาลที่ผลิตยาเอง เป็นต้นค่ะ
- การบริบาลทางเภสัชกรรม (Pharm Care) ส่วนมากจะเป็นงานบริบาล งานหลักๆ เลยจะเป็นเภสัชกรโรงพยาบาล ซึ่งก็มีหลากหลายทั้งที่อยู่ตามแผนกต่างๆ ราววอร์ดร่วมกับหมอ จ่ายยาที่ห้องยา ดูแลสต็อกยา เป็นต้น
- ส่วนงานอื่นๆ เช่น ผู้แทนยา (ดีเทลยา), เภสัชกรร้านยา, เภสัชกรการตลาด และอื่นๆ สามารถทำได้ทั้งสองสาขาเลย นอกจากนี้ยังมีงานในส่วนการขึ้นทะเบียนยาที่ทำกับทาง อย. อีกด้วย
ในส่วนของพี่ที่เรียนสาย Pharm Care ตอนนี้อยู่ในระหว่างค้นหาความชอบค่ะ 555555 จริงๆ แล้วพี่เป็นคนที่ชอบพูดคุยกับคน แล้วก็ค่อนข้างมี Service Mind ก็เลยเลือกเรียนสาขานี้ ตอนนี้เลยเดาๆ ว่าอาจจะเป็นเภสัชกรโรงพยาบาลค่ะ
อยากให้ฝากถึงน้องๆ ที่อยากเรียนเภสัช จุฬาฯ หน่อยค่ะ
หลายๆ ครั้งคณะของเรามักจะเป็นตัวเลือกรองของคนที่อยากเรียนสายสุขภาพ ในขณะที่เภสัชกรนั้นเป็นอาชีพที่มีบทบาทสำคัญมากๆ ในระบบสาธารณสุข ไม่ได้น้อยไปกว่าอาชีพอื่นเลย พี่เลยรู้สึกดีใจมากๆ ที่น้องสนใจในสาขาอาชีพนี้ และการที่น้องรู้ตัวว่าน้องอยากเรียนอะไรนั้นถือเป็นข้อได้เปรียบมาก พี่อยากให้น้องคว้าโอกาสที่มีไว้แล้วเดินตามความฝันของตัวเอง พี่เข้าใจว่าการสอบเข้าค่อนข้างมีความกดดัน พี่เลยอยากให้เราลองดูว่าเวลาที่เหลือเราทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนและเราพร้อมสำหรับคณะนี้แล้วหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วอย่าปล่อยเวลาให้มันสูญเปล่าและทำมันให้เต็มที่ที่สุด ในฐานะรุ่นพี่ พี่ขออวยพรให้น้องโชคดี ขอให้ประสบความสำเร็จดังที่น้องได้พยายาม คณะเภสัช จุฬาฯ รอต้อนรับน้องๆ เสมอค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะ หลังทำความรู้จักกับคณะเภสัช จุฬาฯ อย่างละเอียดกับพี่พิชชี่ไปแล้ว น้องๆ น่าจะพอเห็นภาพการเรียนที่นี่คร่าวๆ และน่าจะมองไปเห็นถึงภาพการทำงานในอนาคตได้หากเลือกเรียกคณะนี้ หรือหากน้องๆ ยังอยากทำความรู้จักกับคณะเภสัชให้ละเอียดมากกว่านี้อีก มาถาม-ตอบตัวต่อตัวผ่านวิดีโอคอลกับพี่พิชชี่ได้เลย โดยน้องๆ สามารถจองคิวขอคำปรึกษาพี่พิชชี่ได้ที่นี่ หรือค้นหาพี่คนอื่น ๆ ได้เลยที่ www.coachdd.app
www.coachdd.app เว็บไซต์วิดีโอคอลปรึกษารุ่นพี่เรื่องเรียน-สอบเข้ามหาวิทยาลัย อยู่ที่ไหนก็คุยได้ ใช้เพียงมือถือ คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต น้องๆ สามารถถามคำถามได้ไม่อั้น ได้คำตอบชัดเจน เจาะลึกแบบเรียลไทม์ และที่สำคัญสามารถเลือกรุ่นพี่ที่สนใจ เลือกเวลาที่สะดวก และเลือกแพ็กเกจที่ต้องการได้เลย
ทั้งนี้น้องๆ ยังสามารถติดตามสาระความรู้และข่าวสารสำหรับการสอบได้ที่ Facebook : CoachDD by Dek-D หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ฟรีที่ LINE Official Account: @coachdd