สำหรับน้องๆ ม.ปลาย ที่กำลัง เตรียมสอบแพทย์ หรือตั้งเป้าหมายว่าอยากเป็นแพทย์อยู่ วันนี้พี่ฟ้า กัปตันเด็กดีที่เพิ่งสอบติดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาหมาดๆ จะมาแชร์วิธีการเตรียมตัวสอบแพทย์พร้อมเทคนิคที่ใช้พิชิตคณะในฝันอย่างละเอียด นอกจากพี่ฟ้ายังมาแชร์เทคนิควิชาที่เก็บคะแนนยากอย่างวิชาชีวะด้วย จะเป็นยังไงบ้าง ไปติดตามได้เลยค่ะ
ก่อนอื่นให้แนะนำตัวได้เลยค่ะ
สวัสดีค่ะ รุจรวี ธนะจินดาวงษ์ ชื่อเล่น ฟ้า ค่ะ เรียนจบม.6 จากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันสอบติดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่า
ตั้งเป้าหมายอยากเข้าคณะแพทย์
ความอยากเป็นหมอเริ่มมาจากที่ฟ้าคิดว่าชีวิตและสุขภาพของคนเราเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ชีวิตคนเราเป็นสิ่งที่เงินซื้อคืนกลับมาไม่ได้อะค่ะ ฟ้าเลยอยากเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่ทำให้คนอื่นมีสุขภาพดี อีกอย่างก็อยากดูแลคนใกล้ตัว อยากให้คนในครอบครัว คนใกล้ตัว อยู่กับฟ้าแล้วสบายใจด้วย แล้วตอนม.4 ได้ไปเข้าค่ายอยากเป็นหมอของคณะแพทย์จุฬาฯ ทำให้ซึมซับบรรยากาศในนั้นมาเยอะมากๆ และมั่นใจขึ้นว่าตัวเองอยากเป็นหมอจริงๆ และที่สำคัญคุณลุงของฟ้าเองก็เป็นหมอผ่าตัดด้วย ได้คุยกับคุณลุงเรื่องอาชีพ เห็นคุณลุงทำงานได้ช่วยเหลือคน เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ฟ้าได้มากๆ เลยค่ะ
เตรียมสอบแพทย์ ต้องใช้คะแนนอะไรบ้าง?
เตรียมสอบแพทย์ ต้องใช้คะแนน 2 ส่วน ส่วนแรกคือในส่วนของคะแนนสอบวิชาสามัญ สอบทั้งหมด 7 วิชา คณิตศาสตร์1 ภาษาอังกฤษ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ภาษาไทย สังคม และส่วนที่2 คือคะแนนสอบความถนัดแพทย์(Medical aptitude) หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า การสอบกสพท. ค่ะ
อยากเป็นเด็กแพทย์ ต้องสะสมความรู้พื้นฐานให้แน่น เพื่อใช้เตรียมสอบ TCAS
การเตรียมตัวสอบเริ่มจริงจังตอนที่เริ่มมีเป้าหมายเป็นคณะแพทย์อยู่ในใจ ก็คือตั้งแต่ช่วงขึ้นม.4 เลยค่ะ ใช้เวลารวมๆ ถ้าตีคร่าวๆ ก็3 ปี คือม.4-ม.6ค่า แต่ส่วนตัวฟ้าเชื่อว่าความรู้ทุกอย่างที่ได้นำไปใช้ตอนสอบ TCAS มาจากการที่เราสะสมมาเรื่อยๆ แม้กระทั่งความรู้จากม.ต้น ก็เป็นพื้นฐานที่สำคัญมากๆ ที่ส่งเสริมให้การเตรียมตัวตอนม.ปลายฟ้าสามารถต่อยอดการเรียนรู้ออกไปได้ง่ายขึ้น อาจจะฝากถึงน้องๆ ว่า การตั้งใจเรียนเนื้อหาทุกอย่างตั้งแต่เนิ่นๆ ตั้งแต่ม.ต้นหรือประถมก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ถึงแม้ฟ้าจะบอกว่าเริ่มเตรียมตัวสอบจริงจังตอนม.ปลาย แต่ถ้าหากไม่ได้ตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้มาตั้งแต่เนิ่นๆ เวลามาเรียนตอนม.ปลาย ก็อาจจะทำให้เสียเปรียบหรือช้ากว่าคนอื่นได้เหมือนกันในด้านของการเตรียมตัว เพราะความรู้ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ต่อยอดกันหมดต่อเนื่องมาแต่เด็กๆ จนถึงจบม.ปลาย (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้เชียร์ให้น้องๆ โหมเรียนหนักตั้งแต่เด็กๆ นะคะ ฟ้าเองเป็นคนที่ไม่เรียนพิเศษเลยก่อนขึ้นม.ปลาย แต่รู้สึกว่าตัวเองพยายามตั้งใจเรียนในห้องเรียน เรียนที่โรงเรียนให้เต็มความสามารถมาตลอด พอขึ้นม.ปลายเลยรู้สึกว่าไม่ค่อยมีปัญหาในการเรียนรู้ความรู้ใหม่ๆ เพราะค่อนข้างมีพื้นจากม.ต้นอยู่บ้างแล้ว ทำให้เตรียมตัวทันค่ะ)
เตรียมสอบวิชาที่รายละเอียดเยอะมากๆ อย่างชีวะยังไง?
ฟ้ามองว่าชีวะเป็นวิชาที่องค์ความรู้เยอะมาก เนื้อหามีทั้งความกว้างและความลึก “กว้าง”คือมีหลายบท “ลึก”คือแต่ละบทก็มีรายละเอียดที่ค่อนข้างเยอะ แตกย่อยลงไปได้เรื่อยๆ และเนื้อหาต้องอาศัยทั้ง”ความเข้าใจ”และ”ความจำ”ด้วยควบคู่กัน ทำให้วิชานี้ต้องอาศัยการวางแผนและการเตรียมตัวค่อนข้างมากและต้องเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ
อย่างตัวฟ้าเองจะให้ความสำคัญกับการเรียนจบเนื้อหาเนิ่นๆ และใช้เวลาที่เหลือหลังจากนั้นในการ”ย้ำ”ความรู้ทั้งหมดที่เรียนมาโดยการอ่านทบทวนซ้ำๆ และทำโจทย์ให้มากๆเพื่อเก็บตกความรู้ที่ยังตกหล่นไป เพราะการอ่านรอบเดียวกับวิชาที่ความรู้เยอะแบบนี้ฟ้าคิดว่าไม่สามารถทำให้เราจำและเข้าใจได้ทั้งหมดแน่ๆ ค่ะ ต้องอาศัยการเก็บเกี่ยวไปเรื่อยๆ บางเรื่องจำได้แล้วก็ลืมอีกก็มี ก็ต้องใช้เวลาทบทวนย้ำกับตัวเองบ่อยๆ ค่ะ
เลือกติวคอร์สสรุปเนื้อหาชีวะกับอ.อุ้ย Dek-D School
อย่างแรกที่ทำให้ตัดสินใจเรียนกับอ.อุ้ยเพราะว่าฟ้าเป็นแฟนหนังสืออ.อุ้ยอยู่แล้ว คือที่บ้านมีทุกเล่มเลยค่ะ แล้วก็ตอนไปสอบก็เรียนทั้งคอร์สนี้และอ่าน+ทำโจทย์จบไปหลายเล่มเลยด้วยค่ะ อ.อุ้ยเป็นอ.ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดท่านหนึ่งเลยของวิชาชีววิทยา เด็กมัธยมแทบทุกคนรู้จักหนังสือปลาหมึกของอ.อุ้ยกันทั้งนั้นเลย อ.มีประสบการณ์หลายปีมากๆ ในการติวชีวะสอบเข้ามหาวิทยาลัย หนูเลยเชื่อมั่นมากๆ ว่าอ.อุ้ยสอนดีแน่ๆ ค่ะ ซึ่งพอมาเรียน คอร์สพิชิต TCAS สรุปเนื้อหา ของอ.อุ้ยจริงๆ ก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ค่า
รีวิวคอร์สพิชิต TCAS สรุปเนื้อหา ของอ.อุ้ย Dek-D School
หนูชอบวิธีการสอนและวิธีการพาจดเลคเชอร์ของอ.อุ้ยด้วยค่ะ อ.อุ้ยพาจดแบบจัดระเบียบการจดดีมากๆ หลายครั้งอ.จะทำเป็นแผนผัง flowchart ต่างๆ เพื่อให้เราจดตาม กลับมาอ่านทีไรก็จะรู้สึกว่าเข้าใจง่ายไปเลย ทั้งๆ ที่บางทีเป็นบทที่ยากหรือซับซ้อน หนูเป็นคนที่เชื่อว่าวิธีการจดที่ดีสำคัญมากๆ เพราะมันจะช่วยจัดระเบียบความรู้ในสมองเราด้วย ทำให้เรียนแล้วไม่เหนื่อย จำได้เร็ว ความรู้ไม่ปนกันไปมา เวลาจะหยิบข้อมูลไปใช้ในห้องสอบก็ทำได้ง่ายด้วยค่ะเพราะเรามีระบบความคิดที่ดี
คอร์สของอ.อุ้ย อ.จะทวนเนื้อหาแบบเน้นส่วนที่สำคัญหรือออกข้อสอบบ่อยให้ตลอดเลยค่ะ ซึ่งด้วยความที่หนูคิดว่าอ.อุ้ยมีประสบการณ์ในการติววิชาชีวะมานานด้วย อ.จะรู้แนวข้อสอบค่อนข้างเยอะ สิ่งที่อ.อุ้ยเน้นเลยจะตรงกับข้อสอบค่อนข้างมากเลยจริงๆ ค่ะ ตอนที่หนูทำข้อสอบเก่าวิชาสามัญชีวะย้อนหลัง ทุกฉบับจะต้องมีสิ่งที่อ.อุ้ยเน้นอยู่ในข้อสอบเสมอๆ เลย แล้วก็สำหรับข้อสอบปีนี้ สิ่งที่อ.อุ้ยเน้นก็มีที่ตรงกับข้อสอบอีกเหมือนเคยค่ะ ผลสอบวิชาชีวะปีนี้ออกมาส่วนตัวฟ้าพอใจมากๆ ค่ะ เป็นไปตามเป้าที่วางเลยค่า
ข้อสอบชีวะวิชาสามัญปี 65 ยังเป็นข้อสอบแนววิเคราะห์
ข้อสอบสามัญปี 65 วิชาชีวะ ถ้าเปรียบเทียบกับปี 64 รู้สึกว่าค่อนข้างไปในทางที่ยากขึ้นนะคะ แต่สิ่งที่ยังเหมือนกันคือ มีความเป็นโจทย์แนววิเคราะห์ ส่วนสิ่งที่ต่างคิดว่ามีการวิเคราะห์ในเนื้อหาที่ลึกกว่าปี 64 อย่างปี 64 จะใช้ข้อมูลที่โจทย์ให้มาในการตอบได้เลยหลายๆ ข้อ แต่ปี 65 จะต้องอาศัยพื้นความรู้เดิมประกอบกับข้อมูลที่โจทย์ให้มามากขึ้นเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ในการตอบค่ะ
ถ้าให้ลองอธิบายขยายความให้เห็นภาพมากของข้อสอบปีนี้มากขึ้น ปีนี้จะเป็นโจทย์ยาวๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ ส่วนมากจะให้เป็นสถานการณ์จำลองและการทดลองมาให้เราวิเคราะห์แล้วตอบ ซึ่งถ้าเราไม่แม่นจุดใดจุดหนึ่ง ก็จะมีช้อยส์ดักไว้เลย เราจะตัดช้อยส์ตอบไม่ค่อยได้ถ้าพลาดความรู้บางอย่างไป
เมื่อข้อสอบชีวะเปลี่ยนเป็นแนววิเคราะห์การเรียนแบบท่องจำจึงไม่ได้ผลอีกต่อไป
จากการที่ข้อสอบเปลี่ยนไปเป็นแนววิเคราะห์มากขึ้น ฟ้าคิดว่าการเรียนเลยจะไม่สามารถเป็นแค่การท่องจำได้แล้ว เพราะรู้อย่างเดียวยังทำข้อสอบไม่ได้ ต้องเข้าใจเนื้อหาในแต่ละส่วนจริงๆ และเข้าใจความเชื่อมโยงกันด้วย จึงจะใช้วิเคราะห์ในห้องสอบได้ค่ะ
การเตรียมตัวของฟ้า ถ้าจะให้สรุปคือเน้นที่ 2 อย่างหลักๆ ค่ะ อย่างแรกคือตอนเรียน “เน้นเรียนแบบเข้าใจจริงๆ” พยายามหาเหตุผลในทุกอย่างที่เรียน พยายามอธิบายให้ได้ว่าตรงนี้เกิดกระบวนการนี้เพราะอะไร แล้วไปเชื่อมโยงกับสิ่งที่เกิดต่อมาได้ยังไง เกิดสิ่งนี้เพื่ออะไร อะไรทำนองนี้ค่ะ อย่างที่สองคือตอนทำโจทย์ ”ฝึกกระบวนการคิดวิเคราะห์ในโจทย์” ซึ่งในส่วนของอย่างที่2คือการเจอโจทย์ที่เป็นแนววิเคราะห์ให้มากๆค่ะ ส่วนตัวฟ้าเองหาฝึกจากข้อสอบ PAT2 เก่าๆ ค่ะเพราะเป็นแนวการทดลองและการวิเคราะห์มากกว่าโจทย์สามัญเก่า ฟ้าคิดว่ายิ่งเราเจอแนวโจทย์ที่ค่อนไปในทางเดียวกับที่จะเจอจริงในห้องสอบไปมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเราจะชินกับการทำข้อสอบแนวนี้ไปแล้ว แล้วก็จะไม่ช็อคหรือแพนิคกับแนวข้อสอบ ทำให้เราไม่ลนและทำข้อสอบโดยดึงเอาความรู้ความสามารถออกมาใช้ตอบได้อย่างเต็มที่จริงๆ ค่ะ
#Dek66 ควรเตรียมสอบชีวะยังไงดี
แนะนำว่าเก็บเนื้อหาทุกอย่างให้แม่นๆ แล้วกันค่ะ ถ้าไม่จำเป็นแบบไม่ถึงขั้นไม่ทันจริงๆ ขอให้เก็บรายละเอียดให้แม่นทุกบทไปก่อนค่า ให้ถือคติว่า ถ้าเราคิดจะเทอันไหน ข้อสอบจะออกอันนั้นเลย (อันนี้เป็นคำพูดที่รุ่นพี่พูดต่อๆ กันมา ซึ่งก็ค่อนข้างจริงค่ะ555) แต่ถ้าไม่ทัน จำเป็นต้องเทบางบทจริงๆ อยากให้ลองดูจาก blueprint ว่าบทไหนออกเยอะ แนะนำเก็บบทที่ออกเยอะก่อนค่า เทอันที่ออกน้อยๆ น่าจะทำให้ได้คะแนนดีกว่านะคะ แล้วก็พยายามหาโจทย์แนววิเคราะห์ โจทย์แนวเล่าสถานการณ์ยาวๆ มาฝึกให้คุ้นเคยไว้ ประมาณนี้ค่า
เทคนิคเตรียมตัวสอบแพทย์สไตล์เด็กกิจกรรม
ส่วนตัวฟ้าคิดว่าฟ้าเตรียมตัวค่อนข้างหนักขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางๆ ม.5 มาจนถึงม.6 ด้วยความที่การเตรียมตัวสอบเข้าแพทย์ต้องสอบหลายวิชามากๆ สำหรับฟ้าเลยมองว่าต้องอาศัยการเตรียมตัวที่ค่อนข้างหนักอยู่แล้ว ฟ้าแบ่งเรียนพิเศษและทำโจทย์ทุกวันค่ะ ถ้าเป็นวันธรรมดาที่ต้องไปโรงเรียน ก็เรียนพิเศษและทำโจทย์หลังเลิกเรียนประมาณ 3-6 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนวันที่ไม่ไปโรงเรียนก็จะใช้เวลาตั้งแต่ 6-12 ชั่วโมง ซึ่งก็แล้วแต่วันเลยค่ะ
สำหรับฟ้าเองที่ทำกิจกรรมที่โรงเรียนเยอะมากๆๆ ฟ้าเลยต้องใช้เวลาที่ว่างๆ ให้เป็นประโยชน์ด้วย เช่น ในรถตอนกลับบ้านหลังเลิกเรียน ตอนนั่งว่างๆ ก็หยิบศัพท์หรืออะไรมาท่อง มาทบทวนด้วยค่ะ มันช่วยประหยัดเวลาในการเรียนตอนที่ถึงบ้านด้วย ทำให้ฟ้าแบ่งเวลาให้กิจกรรมควบคู่การเรียนไปได้ด้วยค่ะ แต่ถ้าใครไม่ใช่สายกิจกรรมจัดๆ แบบฟ้าก็อาจจะไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้นะคะ555
แนะนำสำหรับน้องๆ ทั่วไปว่า เรียนแบบเน้นที่คุณภาพในการเรียน มากกว่าปริมาณคือจำนวนชั่วโมงเรียนในแต่ละวันดีกว่าค่ะ หลายคนเลยถามมาว่าควรเรียนกี่ชั่วโมงต่อวันดี รู้สึกตัวเองเรียนน้อยไปมั้ย ถ้าถามฟ้าก็อยากให้ลองแพลนจากเนื้อหาที่เราได้เรียนในแต่ละวันเป็นหลัก มากกว่าที่จะกำหนดเป็นชั่วโมงเรียนต่อวันตายตัวดีกว่าค่ะ เช่น ลิสต์ว่าวันนี้ต้องจบเนื้อหาถึงตรงไหน แต่พอจบตามที่ตั้งใจ ถ้าเวลายังเหลือก็ค่อยแบ่งไปให้เนื้อหาต่อๆ ไป ทำล่วงหน้าที่แพลนไปได้ค่า
แล้วก็อีกอย่างที่อยากเสริมคือ ฟ้าเป็นคนนึงที่เคยคิดว่าอยากรีบเรียนให้จบเร็วๆเนิ่นๆ แล้วฟ้าก็เห็นเพื่อนๆน้องๆหลายคนก็อาจจะคิดแบบนั้น ซึ่งจริงๆ การวางแผนจบเนิ่นๆเป็นสิ่งที่ฟ้าว่าดีนะคะ แต่อยากบอกน้องๆ ว่า ถึงจะเรียนแบบไปเร็วยังไงก็ตาม อยากให้เรียนให้เข้าใจจริงๆ ด้วย สำคัญมากๆ เลย ไม่ต้องรีบไปจนเกินไปจนไม่ใช้เวลาในการเข้าใจมันจริงๆ ถึงจะจบเร็วแต่เข้าใจมันไม่ดีพอมันก็เท่านั้น และอาจจะยิ่งเสียเวลาในการกลับมารื้อพื้นฐานที่ไม่แน่นของเรามากกว่าการค่อยๆ เรียนแต่เข้าใจลึกซึ้งทุกประเด็นแต่แรกซะอีกค่ะ ก็บริหารเวลาในการเตรียมตัวให้ดีๆแต่อย่าลืมจำและเข้าใจเนื้อหาทุกอย่างให้ถ่องแท้ด้วยน้า
อยากฝากอะไรถึงน้องๆ dek66 บ้างคะ
ถ้าเอาหลักๆ เลย ฟ้าคิดว่าการวางแผนที่ดี การมีวินัยกับตัวเองในการทำตามแผน และการหาวิธีการเทคนิคการเรียนรู้ที่คลิกกับเราเองเป็นเรื่องสำคัญที่สุดค่ะ
อย่างแรกวางแผนดี การวางแผนให้จบคอร์สต่างๆ เนิ่นๆ ไว้ก็สำคัญมากๆ ค่ะ เพราะว่าฟ้าเชื่อว่าส่วนใหญ่สิ่งที่เราแพลน เรามักจะทำได้เลทกว่ากำหนดการที่แพลนไว้เสมอเลย (อิงจากประสบการณ์ฟ้ากับเพื่อนๆ รอบตัวเองนะคะ) หลายๆอย่างที่คิดว่าจะจบแน่ๆ เดือนนี้ บางทีถึงพยายามทำตามแพลนแล้วก็ยังมีดีเลย์ไปอีกเดือนก็มีค่ะ อีกอย่างการวางแผนให้จบคอร์สเนิ่นๆ ทำให้เรามีเวลาที่จะทบทวน แก้ไขจุดอ่อนเรา แล้วก็เจอแนวโจทย์ที่หลากหลายมากขึ้นด้วย พอเจอโจทย์มากๆ ทบทวนมากๆ ก็เสริมความมั่นใจในการทำข้อสอบในห้องสอบได้มากๆ
การมีวินัยในการทำตามแผนอย่างสม่ำเสมอ ฟ้าคิดว่าสำคัญเพราะ ฟ้าคิดว่ามันยากมากๆที่จะมีไฟตลอดเวลาในการเรียน ดังนั้นเราจึงต้องฝึกในการมีวินัยค่ะ ฟ้าเชื่อว่าแทบทุกคนจะต้องมีช่วงที่หมดไฟกันเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นในช่วงที่หมดไฟหรือไฟยังไม่กลับมาเต็มร้อย เราจะทำยังไงให้เราทำได้ตามแพลนอยู่เหมือนเดิม คำตอบก็คือวินัยคำเดียวเลย ถ้ามีการวางแผนที่ดีและวินัยที่มากพอแล้วฟ้าเชื่อมากๆเลยว่าเราก็ไปถึงเป้าหมายได้ไม่ยากค่ะ
อย่างสุดท้ายการหาวิธีการเทคนิคเรียนรู้ที่คลิกกับตัวเอง ฟ้าคิดว่าสำคัญมาก อย่างในส่วนของวิธีการเรียนรู้ แต่ละคนมีวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะกับตัวเองแตกต่างกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ บางคนจำได้จากการแตกแผนผัง บางคนจากการพูดให้เพื่อนฟัง บางคนจากการทำโจทย์ ฯลฯ ลองพยายามหาดูค่ะว่าเราถนัดแบบไหน พยายามหาทุกอย่างที่เหมาะกับตัวเองในการเรียนแล้วฟ้ามองว่าตรงนี้จะเป็นกุญแจที่ผลักดันเราไปสู่เป้าหมายได้ง่ายขึ้นอีกค่ะ
สุดท้ายนี้ก็ แถมอีกอย่างคือกำลังใจที่ดีสำคัญมากๆ ท้อได้แต่ให้ลุกขึ้นมาสู้ต่อนะ ขอให้น้องๆ ทุกคนสู้ๆ จนถึงวินาทีที่กาข้อสอบวิชาสุดท้ายข้อสุดท้ายเลย โอกาสในการสอบติดยังเป็นของเราเสมอตราบใดที่ยังมีเวลาเหลือ เป็นกำลังใจให้น้องๆทุกคนเสมอเลยนะค้า สู้สู้สู้!!!
ทั้งหมดนี้ก็เป็นการเตรียมสอบแพทย์ของพี่ฟ้า น้องๆ จะเห็นว่าสิ่งสำคัญในการเตรียมสอบของพี่ฟ้าคือพี่ฟ้าให้ความสำคัญกับการเรียนในระดับพื้นฐานและสะสมความรู้มาเรื่อยๆ เพราะพี่ฟ้าเชื่อว่าพื้นฐานที่ดีจะทำให้นำไปใช้ในการเตรียมสอบได้ง่ายขึ้นนั่นเองค่ะ น้องๆ สามารถนำเทคนิคพี่ฟ้าไปปรับใช้ได้นะคะ
และสำหรับน้องๆ ที่อยากเพิ่มความมั่นใจในการสอบชีวะสามารถสมัครติวออนไลน์กับ อ.อุ้ย ดร.ศุภณัฐ ไพโรหกุล ได้เลย คอร์สพิชิต TCAS – สรุปเนื้อหาชีวะ คอร์สนี้จะสรุปเนื้อหาชีวะ ม.ปลาย ตามหลักสูตรใหม่ สสวท. 60 ไว้ทั้งหมด ครอบคลุมทุกการสอบของ TCAS เนื้อหาอธิบายละเอียด กระชับ มีภาพประกอบ ตาราง และแผนผังต่างๆ ทำให้เข้าใจได้ง่าย พร้อมสรุปเป็นคอนเซ็ปต์สั้นๆ จบได้ภายใน 10 นาที
นอกจากนี้ยังมี คอร์สพิชิต TCAS – ตะลุยโจทย์ชีวะ คอร์สนี้นอกจากน้องๆ จะได้ตะลุยโจทย์ชีวะ แนวข้อสอบออกใหม่ 625 ข้อแล้ว อ.อุ้ยยังเฉลยละเอียดจัดเต็ม ไม่มีข้าม เพื่อให้น้องๆ ได้ทบทวน เรียนรู้เทคนิคการทำโจทย์แบบต่างๆ และฝึกทำข้อสอบก่อนลงสนามจริงด้วย
ทุกๆ คอร์สที่น้องๆ ติวออนไลน์กับ Dek-D School สามารถทวนซ้ำได้ไม่จำกัดชั่วโมงตลอด 6 เดือน พร้อมรับหนังสือประกอบการเรียนที่ อ.อุ้ยเขียนส่งตรงถึงบ้านฟรี! ที่สำคัญที่สุดแม้ว่าจะเป็นการเรียนออนไลน์ แต่น้องๆ สามารถสอบถามข้อสงสัยกับ อ.อุ้ยใต้คลิปที่กำลังเรียนอยู่ได้ โดยจะได้รับแจ้งเตือนเมื่อมีการตอบกลับ
น้องๆ ที่สนใจอยากติวออนไลน์กับ Dek-D School สามารถปรึกษาพี่ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Line @SchoolDekD หรือ ติดตามข้อมูลข่าวสาร และเทคนิคการติวต่างๆ เพิ่มเติม ได้ที่ Facebook Dek-D School เลยนะคะ