ภาษาโปรแกรม คือภาษาที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อเขียนคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน พ่อแม่ที่ยังไม่มั่นใจว่าจะให้ลูกเรียนเขียนโปรแกรมด้วยภาษาโปรแกรมแบบไหนดี คำแนะนำของเราคือให้ดูความสนใจของลูกเป็นหลัก รวมทั้งใช้ข้อมูลดีๆ ต่อไปนี้ ไว้เป็นผู้ช่วยในการตัดสินใจจ้า
ลูกเล็กเหมาะกับบล็อกคำสั่งแบบ Scratch
ครอบครัวไหนมีลูกเล็กๆ วัย 5-6 ขวบ แนะนำว่าให้ลูกเริ่มเขียนโปรแกรมด้วยบล็อกคำสั่งแบบภาพหรือกราฟฟิกจะเหมาะกับพัฒนาการของลูกมากที่สุด เช่น Scratch ซึ่งเป็นการเขียนโปรแกรมด้วยบล็อกคำสั่งแบบกราฟฟิกที่ออกแบบมาให้เป็นมิตรกับเด็ก เหมาะกับเด็กที่สนใจในการสร้างตัวการ์ตูน เรื่องราวที่โต้ตอบกันได้ ศิลปะและดนตรี เด็กๆ สามารถเรียนรู้ Scratch ได้ด้วยขั้นตอนง่ายๆ นอกจากนั้น เมื่อสร้างสรรค์ชิ้นงานเสร็จแล้ว ยังมีชุมชนออนไลน์ที่สามารถแลกเปลี่ยนผลงานกันได้อีกด้วย
เริ่มจากภาษาโปรแกรมที่ใช้งานง่าย อย่าง Python
ภาษาโปรแกรมที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากคือไพธอน (Python) ซึ่งเป็นภาษาสคริปท์ที่หลายๆ คนแนะนำว่าเรียนรู้ได้ง่ายที่สุด เพราะลักษณะภาษาคล้ายภาษามนุษย์ปกติ ทำให้อ่านเข้าใจง่าย เด็กๆ จะไม่รู้สึกว่ายากเกินไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางโครงสร้างคำสั่งคร่าวๆ ในหัว ก่อนจะแปลออกมาเป็นโครงสร้างคำสั่งที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ ไพธอนยังมีสิ่งที่เรียกว่า Standard Library ซึ่งเป็นชุดของโมดูลต่างๆ ที่ช่วยให้แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น เป็นฟังก์ชั่นการทำงานทั่วๆ ไปที่โปรแกรมเมอร์ต้องการ สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างมาในภาษาโปรแกรมไพธอนอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆ ใช้งานได้อย่างสะดวกมาก ภาษา Python ถูกใช้งานจริงในหลายๆ โปรแกรม, เว็บไซต์, และเกม เช่น Youtube, Dropbox และอีกหลายๆ แอพฯ
ภาษาซี (C++) ยากหน่อยแต่เปิดโลกโปรแกรมมิ่ง
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และนักพัฒนาโปรแกรมจำนวนมาก มีความเห็นแตกต่างกันออกไปในประเด็นที่จะให้เด็กเริ่มเรียนเขียนโปรแกรมด้วยภาษา C++ มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะภาษา C++ มีหน้าตาคล้ายสมการเลขซึ่งอาจทำให้เด็กขยาดจนไม่กล้าเริ่มเรียนเขียนโปรแกรมไปเลย แต่ข้อดีของภาษาโปรแกรมนี้ คือการเปิดโลกเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมให้เด็กเข้าใจอย่างถ่องแท้ โปรแกรมเมอร์ขั้นเทพมากมายที่เริ่มต้นเรียนเขียนโค้ดด้วยภาษาโปรแกรม C หรือ C++ พ่อแม่อาจต้องสังเกตดูว่าลูกเราจะไปไหวหรือไม่ ภาษา C++ ใช้ในการพัฒนาระบบและโปรแกรมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงเช่น ระบบปฎิบัติการของคอมพิวเตอร์, ฐานข้อมูล, เกม
นอกเหนือจากภาษาโปรแกรมพื้นฐานเหล่านี้แล้ว เมื่อเด็กโตขึ้น พ่อแม่อาจส่งเสริมให้ลูกเรียนภาษาที่ยากและตรงกับความสนใจของลูกมากขึ้น เช่น JavaScript ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างเกมและแอพพลิเคชั่นต่างๆ หรือหากลูกชอบทางหุ่นยนต์ อาจมุ่งไปทางภาษาสกาล่า(Scala) หรือลูอะห์ (Lua) เป็นต้น อย่าลืมว่าความสนใจและพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัยของลูก ยังเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ
