น้องๆ หลายคนน่าจะเคยใช้บริการรถไฟฟ้ากันอยู่แล้วแต่เคยคิดกันไหมว่า ถ้ารถไฟฟ้าลอยได้เหมือนเครื่องบิน มันจะเร็วขนาดไหน อย่างรถไฟแม็กเลฟ หรือ รถไฟแม่เหล็ก ก็เป็นรถไฟที่สามารถลอยได้ โดยใช้หลักการของ “แม่เหล็กไฟฟ้า” มาช่วยในการขับเคลื่อน ส่วนจะขับเคลื่อนได้อย่างไร มาดูข้อมูลกันเลย แต่ก่อนจะเข้าเรื่องรถไฟแม็กเลฟ เรามาทำความรู้จักกับแม่เหล็กไฟฟ้ากันก่อน
ขอบคุณรูปภาพจาก www.freeimages.com
แม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic)
แม่เหล็กไฟฟ้า ต้องใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อสร้างสนามแม่เหล็ก
อย่างที่เราทราบกันดีว่
แม่เหล็กไฟฟ้า เป็นแม่เหล็กที่เกิดขึ้นในล
“Maglev” คืออะไร?
Maglev ย่อมาจาก Magnetic Levitation คือ การใช้สนามแม่เหล็กมายกให้รถไฟลอยอยู่บนราง รวมทั้งใช้รถไฟฟ้าเหนี่ยวนำให้เป็นสนามแม่เหล็ก เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนและหยุดรถ
รถไฟแม็กเลฟ เป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด
การกำหนดความเร็วทั้งหมดทำโดยคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการไหลข
ทำไม Maglev ถึงลอยได้
ขอบคุณรูปภาพจาก nexusp4science.wordpress.com
การที่รถไฟแม็กเลฟสามารถลอยได้นั้นเกิดจากการลอยตัวของแม่เหล็
หลักการคือทำให้แม่เหล็กสองข้างสลับขั
ประเภทของรถไฟ Maglev
ขอบคุณรูปภาพจาก www.pngfuel.com
Electromagnetic Suspension (EMS) หรือ การลอยตัวด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า
รถไฟแบบ EMS ส่วนล่างของรถ จะยื่นงุ้มออกมาหุ้มรางเอาไว้ และใช้แม่เหล็กที่ติดอยู่กับรถ ดูดกับแม่เหล็กที่ติดอยู่กับราง โดยตัวรถจะลอยอยู่เหนือรางแค่ 1 เซนติเมตรเท่านั้น
EMS จะลอยอยู่ตลอด ถึงแม้จะจอดอยู่เฉยๆ เพราะระบบนี้ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่อยู่บนตัวรถไฟ ซึ่งถ้าใช้ไปเรื่อยๆโดยไม่อัดประจุเพิ่มก็จะลอยได้นานแค่ 1 ชั่วโมง แต่ตัวรถไฟออกแบบให้วิ่งไปด้วยอัดไฟไปด้วย จึงสามารถใช้ได้นานยิ่งขึ้น ซึ่งรถไฟแบบ EMS นี้ได้พัฒนาขึ้นในประเทศเยอรมั
Electrodynamic Suspension (EDS) หรือ การลอยตัวด้วยไฟฟ้าพลศาสตร์
รถไฟแบบ EDS เป็นระบบที่ใช้แม่เหล็กที่ทำจากสารตัวนำยิ่งยวด ซึ่งถ้าหากอุณภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิวิกฤติค่าหนึ่ง ตัวนำยิ่งยวดนี้จะนำไฟฟ้าได้โดยไร้ความต้านทานทางไฟฟ้า
ในขณะที่รถวิ่งเส้นแม่เหล็กจากขดลวดตัวนำยิ่งยวดจะไปเหนี่ยวนำขดลวดที่อยู่ 2 ข้างทางให้กลายเป็นแม่เหล็กชั่วคราว เกิดแรงผลักจากด้านล่างและแรงดึงขึ้นจากด้านบนทั้ง 2 ข้าง ซ้ายและขวา ทำให้ตัวรถไฟลอยได้ถึง 10 เซนติเมตรเหนือราง
EDS จะไม่ลอยอยู่ตลอด เวลาจอดอยู่นิ่งๆ ก็จะมีล้อยางชั้นดีมารองรับไว้ เมื่อรถออกวิ่งใหม่ๆ รถจะวิ่งบนล้อยางไปก่อน พอทำความเร็วได้ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถก็จะทะยานพุ่งลอยออกไป ซึ่งรถไฟแบบ EDS นี้ได้พัฒนาขึ้นในประเทศญี่ปุ่น
รถไฟฟ้าในประเทศไทย
ขอบคุณรูปภาพจาก ya-webdesign.com
เมื่อพูดถึงรถไฟแม็กเลฟไปแล้ว สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือรถไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ตัวเรา ซึ่งน้องๆหลายคนน่าจะเคนได้ใช้บริการรถไฟฟ้า BTS และ MRT กันอยู่แล้ว
ระบบรถไฟฟ้าในประเทศไทยจะใช้กระแสไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนรถไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าที่ใช้ในรถไฟฟ้า มี 2 ระบบ คือ
-ระบบไฟฟ้ากระแสตรงถูกใช้ใน BTS และ MRT รถไฟฟ้าระบบนี้จะรับไฟฟ้าจากรางที่สามขนาด 750 โวลต์ผ่านคอเล็กเตอร์ชูส์ หรือแผงรับกระแสไฟฟ้าที่ติดอยู่กับโบกี้ของรถไฟฟ้า ซึ่งรางที่สามนี้จะรับไฟฟ้าจากการไฟฟ้าแห่งประเทศไทย เมื่อผ่านหม้อแปลงจะเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสตรง
-ระบบไฟฟ้ากระแสสลับถูกใช้ในรถไฟ airport rail link ไฟฟ้ากระแสสลับจะมีความซับซ้อนมากกว่าไฟฟ้ากระแสตรง ซึ่งระบบไฟฟ้าภายในรถไฟฟ้าจะประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
1. แหนบรับไฟ (pantograph) ทำหน้าที่เป็นแขนรับไฟฟ้ากระแสสลับจากสายส่งเหนือศีรษะ โดยลักษณะของแหนบรับไฟ จะแตกต่างกันไปตามความกว้างของขบวนรถและแรงดันไฟฟ้า
2.หม้อแปลงหลัก (Main transformer) ใช้แปลงขนาดแรงดันไฟฟ้าให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบขับเคลื่อนรถไฟฟ้า โดยปกติจะติดตั้งอยู่บนขบวนรถไฟฟ้า
3.วงจรเรียงกระแสหลัก (main Rectifier) ทำหน้าที่เปลี่ยนแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง เพื่อจ่ายให้อินเวอร์เตอร์หลักและอินเวอร์เตอร์รอง
4.วงจรเรียงกระแสรอง (auxiliary Rectifier) ทำหน้าที่เปลี่ยนแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสตรง เพื่อชาร์จแบตเตอรี่
5.อินเวอร์เตอร์หลัก (Main inverter) ทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงให้เป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส และยังสามารถควบคุมความถี่ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับชุดขับเคลื่อนมอเตอร์ 3 เฟส ที่ติดอยู่ใต้โบกี้ของรถไฟฟ้าต่างๆ ในขบวนรถไฟฟ้า
6.อินเวอร์เตอร์รอง (auxiliary inverter) ทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงให้เป็นแรงดันไฟฟ้ากระแสสลับ แต่จะควบคุมแรงดันและความถี่ให้คงที่เพื่อจ่ายให้อุปกรณ์ต่างๆ ในรถไฟฟ้าที่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้า
นี่ก็เป็นฟิสิกส์ในชีวิตประจำวันที่น่าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆ ที่จะทำให้น้องๆ เข้าใจหลักการของแม่เหล็กไฟฟ้ามากขึ้น หรือถ้าน้องๆ อยากทราบว่าสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เกิดขึ้นได้อย่างไร เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์อย่างไรบ้าง ก็สามารถ inbox สอบถามมาได้ที่ FB Dek-D School หรือ line@schooldekd